การดูแลผู้สูงอายุในภาคเกษตรของไต้หวันและญี่ปุ่น: การศึกษาด้านอาหารและการเกษตรควบคู่กับการส่งเสริมสุขภาพ
:::

การดูแลผู้สูงอายุในภาคเกษตรของไต้หวันและญี่ปุ่น: การศึกษาด้านอาหารและการเกษตรควบคู่กับการส่งเสริมสุขภาพ

CHEN,SHIH-YING(China Productivity Center Agriculture Management Department)

ตามที่สำนักงานพัฒนาแห่งชาติของไต้หวัน (National Development Council : NDC) คาดการณ์ไว้ ประเทศไต้หวันกำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสูงยิ่ง (Super-aged Society) ในปี 2568 โดยประชากรที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปจะมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรเช่นนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสังคม เศรษฐกิจ และระบบบริการสาธารณสุข ดังนั้น คุณภาพชีวิตและการมีส่วนร่วมของผู้สูงอายุจึงกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องให้ความสำคัญ

เพื่อรับมือกับความท้าทายนี้ เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2564 รัฐบาลไต้หวันได้ปรับปรุงและอนุมัติ “สมุดปกขาวสำหรับผู้สูงอายุ (White Paper on an Aged Society)” โดยมีแนวคิดหลักคือ การพึ่งพาตนเอง ความร่วมมือ ความยั่งยืน และการมีส่วนร่วมของทุกคนในสังคม เป้าหมายคือการส่งเสริมสุขภาพ ความเป็นอิสระ และการเชื่อมโยงของผู้สูงอายุในสังคม เพื่อสร้างความกลมเกลียวระหว่างรุ่น และสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน (ดูตารางที่ 1) หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2565 ได้มีการประกาศใช้ “พระราชบัญญัติการศึกษาด้านอาหารและเกษตร (The Food and Agricultural Education Act)” ซึ่งมุ่งเน้น การพัฒนาเกษตรกรรมอย่างยั่งยืนและความมั่นคงทางอาหาร โดยเน้นการให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับอาหารและการเกษตร ส่งเสริมการบริโภคพืชผลในท้องถิ่น และปลูกฝังแนวคิดการบริโภคที่สมดุล (ดูตารางที่ 2)

นโยบายสำคัญทั้งสองฉบับนี้มีเป้าหมายร่วมกันคือ การส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุ การมีส่วนร่วมในสังคม และการรักษาความยั่งยืนของการเกษตร กระทรวงเกษตรของไต้หวันจึงดำเนินโครงการ “การดูแลสีเขียว” (Green Care) และโครงการการศึกษาด้านอาหารและเกษตร เพื่อสร้างความเชื่อมโยงระหว่างการบริโภคของผู้สูงอายุกับการผลิตทางการเกษตร โดยมุ่งหวังให้เกิดความยั่งยืนทั้งในระดับบุคคล ชุมชน และสิ่งแวดล้อม บทความนี้จะอ้างอิงจากแนวคิด “สวัสดิการเกษตรกรรม (Agricultural Welfare Collaboration)” ของญี่ปุ่น และโครงการ “JA สุขภาพดี อายุยืน 100 ปี (JA Health Longevity 100 Plan)” เพื่อสำรวจวิธีการที่ผู้สูงอายุสามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเกษตร เช่น การปลูกผักอินทรีย์ การเกษตรเพื่อสิ่งแวดล้อม และการเรียนรู้เรื่องพลังงานสีเขียว ซึ่งจะช่วยส่งเสริมสุขภาพกายและใจ เพิ่มปฏิสัมพันธ์ในสังคม และร่วมกันลดก๊าซเรือนกระจก เพื่อโลกที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต

ตารางที่ 1: เป้าหมายหลัก 5 ประการจาก “สมุดปกขาวสำหรับผู้สูงอายุ (White Paper on an Aged Society)

เป้าหมาย รายละเอียด

1. ส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอิสระของผู้สูงอายุ

เพิ่มความแข็งแรงของร่างกายและสุขภาพจิต และคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ พร้อมทั้งสนับสนุนสิทธิในการเลือกใช้บริการทางการแพทย์และการดูแลที่มีคุณภาพ

2. สร้างความเชื่อมโยงทางสังคมของผู้สูงอายุ

สนับสนุนให้ผู้สูงอายุมีส่วนร่วมในการทำงาน อาสาสมัคร หรือการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อคงความกระฉับกระเฉงและเป็นส่วนหนึ่งของสังคมอย่างต่อเนื่อง

3. สนับสนุนให้ผู้สูงอายุมีส่วนร่วมในการทำงาน อาสาสมัคร หรือการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อคงความกระฉับกระเฉงและเป็นส่วนหนึ่งของสังคมอย่างต่อเนื่อง

ลดช่องว่างระหว่างวัย ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างคนต่างรุ่น ด้วยความเห็นใจและเคารพซึ่งกันและกัน

4. สร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรและปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ

ขจัดภาพลักษณ์และอคติเกี่ยวกับผู้สูงอายุ ปรับปรุงสภาพบ้านและพื้นที่สาธารณะให้ปลอดภัย เป็นมิตร และเหมาะสมกับการดำรงชีวิตของผู้สูงวัย

5. เสริมสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนของสังคม

วางรากฐานที่มั่นคงในการรับมือกับสังคมผู้สูงอายุ สนับสนุนระบบสังคมให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาว

ตารางที่ 2: แนวทางการส่งเสริม ตามมาตรา 4 ของพระราชบัญญัติการศึกษาด้านอาหารและเกษตร

ลำดับ แนวทางการส่งเสริม ตามมาตรา 4 ของพระราชบัญญัติการศึกษาด้านอาหารและเกษตร
1

สนับสนุนและสร้างความภาคภูมิใจในเกษตรกรรมท้องถิ่น:
สร้างระบบการศึกษาด้านอาหารและเกษตร ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าใจและสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าเกษตรในประเทศ สนับสนุนการบริโภคผลผลิตในประเทศ

2

ปลูกฝังแนวคิดการบริโภคที่สมดุล:
ส่งเสริมความรู้ด้านอาหารและเกษตรให้แก่ประชาชน สร้างพฤติกรรมการบริโภคที่ดีต่อสุขภาพ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน

3

เห็นคุณค่าอาหารและลดการสูญเสีย:
กระตุ้นการใช้วัตถุดิบท้องถิ่น ลดปริมาณขยะอาหาร และการเหลือทิ้ง ส่งเสริมความมั่นคงด้านอาหาร ความปลอดภัยของอาหาร และการใช้ทรัพยากรการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพและหมุนเวียน

4

สืบสานและสร้างสรรค์วัฒนธรรมอาหาร:
ส่งเสริมวัฒนธรรมอาหารท้องถิ่น สร้างพื้นที่ให้ผู้ผลิตและผู้บริโภคได้แลกเปลี่ยน เรียนรู้เอกลักษณ์ของอาหาร วัฒนธรรมเกษตร และการพัฒนาที่ยั่งยืนของชุมชนเกษตรและประมง

5

เชื่อมโยงอาหารกับการผลิตทางเกษตร:
ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตอาหาร เช่น การเกษตร การประมง ปศุสัตว์ เพื่อให้เข้าใจวิธีการผลิต เทคโนโลยีทางการเกษตร และระบบนิเวศเกษตรที่ยั่งยืน

6

ส่งเสริมการบริโภคในท้องถิ่นและการเกษตรยั่งยืน:
ส่งเสริมการผลิต แปรรูป และจำหน่ายผลผลิตเกษตรภายในท้องถิ่น กระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มโอกาสการจ้างงานในชนบท และเสริมสร้างระบบการเกษตรที่ปลอดภัยและยั่งยืน

โครงการสวัสดิการการเกษตรกรรม (Agricultural Welfare Collaboration; Nofuku renkei) ในญี่ปุ่น: โครงการส่งเสริมสังคมผู้สูงอายุอย่างยั่งยืน การดำเนินงาน สวัสดิการเกษตรกรรม ของประเทศญี่ปุ่น เริ่มต้นจากการช่วยเหลือผู้พิการให้กลับมามีเป้าหมายในชีวิต และมีส่วนร่วมในสังคมผ่านกิจกรรมทางการเกษตร จนกระทั่งในเดือนมิถุนายน ปี 2562 ญี่ปุ่นได้ประกาศ “แผนงานว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเกษตรกรรมและสวัสดิการ” ทำให้แนวคิดนี้ขยายขอบเขตจากกลุ่มผู้พิการ ไปสู่กลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ซึ่งสอดรับกับสถานการณ์ขาดแคลนแรงงานและสถานการณ์เกษตรกรมีอายุเฉลี่ยสูง จึงกลายเป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญในการดึงดูดแรงงานรุ่นใหม่กลับคืนสู่ภาคเกษตรกรรม

ในด้านการดูแลผู้สูงอายุ สวัสดิการการเกษตรกรรม ได้ออกแบบกิจกรรมทางเกษตรให้เหมาะสมกับผู้สูงวัยแต่ละกลุ่ม ไม่เพียงช่วยฟื้นฟูสุขภาพกายและใจ แต่ยังช่วยให้ผู้สูงอายุได้กลับมามีส่วนร่วมในชุมชนอีกครั้ง ตัวอย่างเช่น ในเขตโอจิ เมืองโคจิ กลุ่มผู้สูงอายุที่เคยเป็นเกษตรกร ได้กลับมาทำสวนผักและจำหน่ายผลิตผลของตนเองอีกครั้ง สร้างรายได้และเสริมสร้างพลังทางเศรษฐกิจในระดับบุคคล พร้อมเพิ่มปฏิสัมพันธ์ในชุมชน ขณะที่ในเมืองคามิ โครงการ “คลับสวนผัก (Vegetable Garden Club)” บนพื้นที่เกษตรของชุมชนเมือง ได้เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุที่ไม่มีประสบการณ์ด้านการเกษตร เข้าร่วมในกิจกรรมแบบเกษตรเชิงนันทนาการ ซึ่งช่วยเพิ่มกิจกรรมทางกายภาพ การเข้าสังคม และช่วยดูแลพื้นที่เกษตรไม่ให้รกร้างว่างเปล่า

แนวทางเหล่านี้สอดคล้องกับ เป้าหมายของพระราชบัญญัติการศึกษาด้านอาหารและเกษตร ของไต้หวัน โดยเฉพาะเรื่อง “สนับสนุนเกษตรกรรมท้องถิ่น” และ “การผลิตและบริโภคผลิตภัณฑ์ในพื้นที่” นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับนโยบาย “สมุดปกขาวสังคมผู้สูงอายุ” ของไต้หวัน เช่น การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอิสระของผู้สูงวัย การเพิ่มการมีส่วนร่วมทางสังคม ด้วยการให้ผู้สูงอายุได้มีบทบาทในกิจกรรมการผลิตอาหารและการเกษตร สร้างคุณค่าให้ตนเอง ขณะเดียวกันยังช่วยพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนและความยั่งยืนของระบบเกษตรกรรม

นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังมีโครงการ JA สุขภาพดี อายุยืน 100 ปี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่น่าสนใจ โดยอิงหลักการ 3 ด้าน คือ การออกกำลังกาย โภชนาการที่ดี และการดูแลสุขภาพในภาพรวม โครงการนี้เน้นการส่งเสริมอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น การกินอาหารห้าสี อาหารที่เน้นนมและผัก ซึ่งมีสารอาหารที่สมดุลและการรักษาวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่นไว้ได้อย่างลงตัว แนวคิดนี้สอดคล้องกับหลักการใน พระราชบัญญัติการศึกษาด้านอาหารและเกษตรของไต้หวัน (The Food and Agricultural Education Act) เช่น การสืบสานและสร้างสรรค์วัฒนธรรมอาหาร การปลูกฝังแนวคิดการบริโภคที่สมดุล

หลักการที่เน้นทั้งโภชนาการและวัฒนธรรมเช่นนี้ สามารถเป็นแนวทางให้ไต้หวันประยุกต์ใช้ได้ เช่น การนำวัตถุดิบท้องถิ่นมาปรุงอาหารให้ผู้สูงอายุ โดยคำนึงถึงความต้องการทางโภชนาการในยุคปัจจุบัน ช่วยลดขยะอาหาร สนับสนุนการใช้ทรัพยากรทางเกษตรหมุนเวียน และสร้างระบบอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ตาราง: แนวทางปฏิบัติและสิ่งสำคัญของโครงการ JA สุขภาพดี อายุยืน 100 ปี

หมวดหมู่ กิจกรรมที่ดำเนินการ สิ่งสำคัญ
การออกกำลังกาย

- ส่งเสริมแนวคิด “Agri-cise” (Agriculture + Exercise) คือ การออกกำลังกายขณะทำงานเกษตร
- กิจกรรมฝึกเพื่อการป้องกัน ได้แก่:
ท่ากายบริหารเต่าทอง JA – เพื่อป้องกันการหกล้ม
ท่ากายบริหารผึ้ง JA – เพื่อป้องกันภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
ท่าสีรุ้งเพื่อสุขภาพ – เน้นเพิ่มความยืดหยุ่นและการทรงตัว
- สนับสนุนการเดินเพื่อสุขภาพ

- ส่งเสริมให้เกษตรกรออกกำลังกายขณะทำเกษตร
- ป้องกันการล้มและภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ในผู้สูงวัย
- เพิ่มกิจกรรมเสริมสร้างความแข็งแรง ความคล่องตัว และสุขภาพโดยรวม

โภชนาการ

- ส่งเสริมการบริโภค อาหารที่มีนมและผัก
- ส่งเสริมหลักการอาหาร 5 สี
- ผลักดันโครงการ “กินดีถ้วนหน้า” ทั่วประเทศ

- ส่งเสริมการกินอาหารที่สมดุล
- เพิ่มการบริโภคโปรตีนเพื่อซ่อมแซมร่างกาย
- ลดการบริโภคไขมันและเกลือ
- ป้องกันภาวะขาดสารอาหารในผู้สูงวัย

การดูแลและการแพทย์

- ส่งเสริมการดูแลสุขภาพช่องปาก
- จัดกิจกรรมกระตุ้นสมองและความจำ

- ป้องกันโรคทางช่องปากและรักษาสุขภาพฟัน
- ป้องกันภาวะสมองเสื่อม (โรคอัลไซเมอร์)
-สนับสนุนการตรวจสุขภาพและเข้าถึงบริการรักษาพยาบาล
-เพิ่มความรู้สึกมีส่วนร่วมและคุณค่าในสังคมของผู้สูงอายุ

สรุปโดยรวมได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบความร่วมมือด้านเกษตรกรรมเพื่อสวัสดิการในญี่ปุ่น หรือโครงการ JA สุขภาพดี อายุยืน 100 ปี ล้วนแสดงให้เห็นถึงแนวทางใหม่ที่บูรณาการ “เกษตรกรรม” เข้ากับ “การดูแลสุขภาพ” และ “สวัสดิการสังคม” ได้อย่างสร้างสรรค์ ซึ่งแนวทางเหล่านี้สอดคล้องกับเจตนารมณ์หลักของ พระราชบัญญัติการศึกษาด้านอาหารและเกษตรกรรม และ สมุดปกขาวสังคมสูงวัยของไต้หวัน แนวทางเหล่านี้ไม่เพียงแค่ช่วยให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพที่ดีขึ้น แต่ยังเปิดโอกาสให้พวกเขาได้มีส่วนร่วมในสังคม มีรายได้เสริม และรู้สึกถึงคุณค่าในตนเอง ขณะเดียวกันก็เป็นการส่งเสริมเกษตรกรรมให้เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการเรียนรู้จากตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จของญี่ปุ่น ประเทศไทยสามารถพัฒนานโยบาย การศึกษาด้านอาหารและเกษตรกรรม ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ และสร้างความสมดุลระหว่างสังคม สิ่งแวดล้อม และภาคเกษตรกรรมในระยะยาว