การปฏิวัติของดอกไม้: การพลิกโฉมโรงงานบรรจุดอกกล้วยไม้เพื่ออนาคต!
:::

การปฏิวัติของดอกไม้: การพลิกโฉมโรงงานบรรจุดอกกล้วยไม้เพื่ออนาคต!

ดอกกล้วยไม้ประเภทออนซิเดียม (Oncidium) เป็นดอกไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในแถบอเมริกากลางและอเมริกาใต้ เป็นกล้วยไม้ที่มีลำต้นเรียวยาวและมีดอกขนาดเล็กจำนวนมาก เมื่อดอกบานเต็มที่จะดูเหมือนสาวใส่กระโปรงฟูๆ เต้นรำโต้ลม จึงได้รับขนานนามว่า "กล้วยไม้เต้นรำ" หรือ "สาวเต้นรำ" โดยในปี 2529 ดอกกล้วยไม้ชนิดนี้ได้รับการนำเข้ามาทดลองปลูกในไต้หวัน และตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบันก็ปลูกมาแล้วกว่า 30 ปี พันธุ์ที่นิยมในตลาดส่วนใหญ่จะเป็นสีทอง มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูด สีสันสดใส จึงถูกนำไปใช้ในการตกแต่งกิจกรรมต่างๆ และในปัจจุบันกลายเป็นผลิตภัณฑ์ส่งออกที่สำคัญของไต้หวัน โดยเฉพาะในตลาดญี่ปุ่น คิดเป็นกว่า 95% ของการส่งออกทั้งหมด

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมดอกกล้วยไม้ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในปี 2563 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการจัดกิจกรรมต่างๆ การลดลงของจำนวนเที่ยวบินและความยุ่งยากในการขนส่งสินค้า รวมไปถึงปัญหาต่างๆ ที่ตามมา ส่งผลให้ตลาดดอกไม้ทั่วโลกได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย เช่น การลดลงของปริมาณการใช้ดอกไม้ในตลาด ต้นทุนขนส่งและวัสดุต่างๆ ที่เพิ่มสูงขึ้น รวมไปถึงการอ่อนค่าของเงินเยนญี่ปุ่น ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกดอกกล้วยไม้ลดลงและกำไรของอุตสาหกรรมโดยรวมลดลง หนึ่งในปัญหาที่สำคัญคือความล่าช้าในการขนส่งทางทะเล ซึ่งส่งผลกระทบต่อการรักษาคุณภาพและความสดของดอกกล้วยไม้

เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายเหล่านี้ China Productivity Center (CPC) จึงได้รับมอบหมายจากกรมกิจการระหว่างประเทศของกระทรวงเกษตร (The Department of International Affairs of Ministry of Agriculture) ให้ดำเนินโครงการ “การยกระดับอุตสาหกรรมการส่งออกดอกกล้วยไม้และการบริหารจัดการโครงการ” ระหว่างปี 2565 และ 2566 โครงการนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการสร้างระบบการผลิตและการส่งออกที่มั่นคง โดยสร้างโรงงานผลิต (Production sites) และโรงงานบรรจุ (Export Packaging Facilities) ที่มีคุณภาพ ช่วยให้การส่งออกดอกกล้วยไม้มีคุณภาพและปริมาณที่สม่ำเสมอ

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการส่งออกดอกกล้วยไม้ที่มีคุณภาพและปริมาณที่มั่นคง และขยายตลาดออกไปยังหลายประเทศ จำเป็นต้องตรวจสอบบทบาทของทั้งสามฝ่าย คือ โรงงานผลิต โรงงานบรรจุ และผู้ค้าส่งออก (Export Trader) โดยโครงการนี้ได้เริ่มต้นจากการตรวจสอบโรงงานบรรจุดอกกล้วยไม้เป็นหลัก โดยหวังว่าจะสามารถสร้างมาตรฐานและกระบวนการการจัดการในโรงงานบรรจุที่ลดโอกาสในการส่งออกดอกกล้วยไม้ที่มีคุณภาพต่ำ

การใช้มาตรฐานการจัดการโรงงานบรรจุดอกกล้วยไม้ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับโรงงานบรรจุที่ได้รับการสนับสนุนในการปฏิบัติตามมาตรฐานการแยกเกรดและระบบการจัดการ จะช่วยให้คุณภาพของดอกกล้วยไม้มีความมั่นคงและสามารถเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันในตลาดส่งออกได้ ในช่วงเวลาที่ดำเนินโครงการระหว่างปี 2565 และ 2566 ได้มีการตรวจสอบโรงงานบรรจุดอกกล้วยไม้จำนวน 34 แห่ง ผลลัพธ์จากการตรวจสอบสามารถสรุปได้ตามตารางที่แสดงด้านล่าง

พื้นที่

จำนวนโรงงานบรรจุ

ขนาดพื้นที่ (เฮกตาร์)

อัตราการส่งออก(%)

เมืองไถจง

17 125.8 67.85%

เมืองผิงตง

6 26.6 11.92%

เมืองจังฮว่า

3 4 2.37%

เมืองหยินหลิน

3 23 7.23%

เมืองหนานโถว

2 5.6 3.96%

เมืองเถาหยวน

1 3.5 1.59%

เมืองเจียอี้

1 17.5 4.54%

เมืองเกาสง

1 2.5 0.55%

รวม

34 208.5

โดยรวมแล้ว เมืองไถจงเป็นผู้นำในด้านจำนวนโรงงานบรรจุดอกไม้ พื้นที่เพาะปลูก และปริมาณการส่งออก ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของแหล่งผลิตในเมืองไถจงต่ออุตสาหกรรมดอกกล้วยไม้ ขนาดและกำลังการผลิตที่แข็งแกร่งเป็นรากฐานที่มั่นคงและสำคัญของอุตสาหกรรมนี้

นอกจากนี้ ผลลัพธ์ของโครงการนี้ มีข้อเสนอแนะ ข้อควรปรับปรุงที่สำคัญให้โรงงานบรรจุในอนาคตดังต่อไปนี้:

ประการแรก การจัดกระบวนการทำงานให้มีมาตรฐานเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มความสามารถในการควบคุมคุณภาพของดอกไม้โดยรวม การจัดทำและดำเนินการตามกระบวนการที่เป็นมาตรฐาน เช่น การควบคุมอุณหภูมิและความชื้น การตอบสนองต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง จะช่วยให้สามารถจัดการปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในโรงงานบรรจุต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การมีข้อกำหนดในการจัดการที่ชัดเจนและกระบวนการที่เป็นมาตรฐานจะช่วยให้พนักงานดำเนินการตามขั้นตอนได้อย่างถูกต้อง

ประการที่สอง การใช้เทคโนโลยีการตรวจสอบช่วยในการจัดการเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การนำเทคโนโลยีการตรวจสอบอุณหภูมิและความชื้นที่ทันสมัยล่าสุดมาใช้ การติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมความชื้นในห้องเย็น จะช่วยลดการสูญเสียของดอกไม้และรักษาคุณภาพในกระบวนการต่างๆ ทำการตรวจสอบและปรับสภาพแวดล้อมได้อย่างทันท่วงที จะช่วยลดโอกาสที่ดอกไม้จะได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก

ประการที่สาม การจัดทำข้อมูลการสูญเสียของเกษตรกรที่แม่นยำเป็นพื้นฐานสำคัญในการปรับปรุงอย่างมีประสิทธิภาพ การเน้นการจัดทำข้อมูลการสูญเสียที่ถูกต้องและการเข้าใจสาเหตุของการสูญเสียที่มาจากคำติชมของลูกค้าแต่ละราย จะช่วยให้สามารถใช้ข้อมูลที่แม่นยำในการปรับปรุงกระบวนการได้

โดยสรุปแล้ว ข้อแนะนำสำหรับโรงงานบรรจุคือ ควรทำการตรวจสอบและปรับปรุงกระบวนการทำงานเป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่าโรงงานสามารถตอบสนองต่อความต้องการที่แท้จริงได้ โดยเฉพาะในด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ นอกจากนี้ ยังต้องทำความเข้าใจบทบาทของโรงงานในการลดการสูญเสียของดอกไม้ และสร้างความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพและเป็นที่ไว้วางใจกับเกษตรกร เพื่อร่วมกันลดการสูญเสียและยกระดับคุณภาพของดอกไม้

นอกจากนี้ ยังควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการบุคลากรและการฝึกอบรมพนักงาน, ประสิทธิภาพการทำงานและการจัดการคุณภาพ, การวิเคราะห์ข้อมูลและการตัดสินใจ, รวมถึงการสร้างความหลากหลาย และการร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ

ซึ่งรวมถึงการใช้วิธีการสอนงาน Training Within Industry – Job Instruction (TWI-JI) ในการฝึกอบรมบุคลากรอย่างมีประสิทธิภาพ, การจัดทำกระบวนการทำงานมาตรฐานเพื่อยกระดับการจัดการคุณภาพ, การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน, การกระจายแหล่งการผลิตที่หลากหลายและความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะการเพาะปลูก โดยใช้การฝึกงานและแผนการฝึกอบรมที่มีระบบ เพื่อสร้างคลังบุคลากรที่มีความสามารถ

สุดท้ายนี้ การพัฒนาในอนาคต ข้อเสนอแนะ คือ การเน้นกระบวนการทำงานและการจัดการที่เป็นมาตรฐาน, การพัฒนาและการจัดการบุคลากร, การใช้เทคโนโลยีและการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะมาประยุกต์ใช้, การวิเคราะห์ข้อมูลและการตัดสินใจ, การปรับปรุงอุปกรณ์และกระบวนการทำงาน, รวมถึงการลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยคาร์บอน ซึ่งข้อเสนอเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานของโรงงานบรรจุและระดับการจัดการคุณภาพ รวมทั้งยังสอดคล้องกับ เทรนด์ของการลดการใช้พลังงานและการลดการปล่อยคาร์บอนในระดับโลก

โดยรวมแล้ว การดำเนินการตามข้อเสนอแนะเหล่านี้จะช่วยให้โรงงานบรรจุสามารถปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่องในอนาคต เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่มีการแข่งขันสูง และสร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาว